ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
ความต่างระหว่างการอ่าน-เขียนแบบมาตรฐานของเยอรมัน_DIN_Deutsch Institute Norms ที่ผมเคยได้เรียนมาในสมัยก่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 ซึ่งเทียบได้กับการมองภาพแบบไอเอสโอวิธี E_ISO Method E กับสิ่งที่ผมต้องปรับเปลี่ยนวิธีการอ่าน-เขียนแบบใหม่ในลักษณะที่ตำแหน่งในการจัดวางภาพตรงกันข้ามกับสิ่งที่เคยเรียนมา เมื่อเริ่มเข้าทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมเป็นครั้งแรก ที่มีการใช้ในการทำงานซึ่งเป็นไปตาม
มาตรฐานของอุตสาหกรรมญี่ปุ่น_JIS_Japanese Industrial Standard ซึ่งเทียบได้กับการมองภาพแบบไอเอสโอวิธี A_ISO Method A แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ตามที่ “คุณษา” สนใจเป็นพิเศษก็ตาม และน่าจะยังไม่มีใครเขียนโดยมีภาษาญี่ปุ่นประกอบเนื้อหาด้วย ผมจึงขออธิบายดังนี้
และก่อนอื่นใดเลยผมก็ขอขอบคุณทุกแหล่งอ้างอิงที่ผมได้นำข้อมูลมาใช้ในการเขียนครั้งนี้ด้วยครับ การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 1หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี E(First Angle ProjectionหรือFirst Angle Projection MethodหรือFirst Angle SystemหรือISO Method E, 第一角法, だいいっかくほう, ไดอิคคะคุโฮ) มีความแตกต่างอย่างไรกับ
การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 3หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี A(Third Angle ProjectionหรือThird Angle Projection MethodหรือThird Angle SystemหรือISO Method A, 第三角法, だいさんかくほう, ไดซังคะคุโฮ) ด้วยเหตุที่ผมเคยเรียนเกี่ยวกับการอ่าน-เขียนแบบเครื่องกลมาในสมัยก่อนที่อาจารย์จะสอนให้เข้าใจได้ง่ายๆ เพื่อให้ลูกศิษย์สามารถไปทำงานในเบื้องต้นได้ แต่พอได้กลับมาอ่านข้อมูลที่เป็นภาษาไทยในปัจจุบันนี้ร่วมด้วยเพื่อที่จะยืนยันความถูกต้องแล้วนำมาเขียนตอบในกระทู้นี้ ผมกลับคิดว่าเนื้อหาในปัจจุบันดูจะแตกต่างไปจากในอดีตพอสมควร ซึ่งในรายละเอียดเหล่านั้นผมจะไม่ได้นำมากล่าวไว้ในที่นี้ เนื่องจากผมเพียงแต่จะเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างแต่เฉพาะเรื่องการฉายภาพของทั้งสองวิธีนี้เท่านั้นนะครับ เพราะผมเข้าใจว่าส่วนใหญ่โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยก็น่าจะมีอ่าน-เขียนแบบเครื่องกลสำหรับใช้ในการสื่อสารเพื่อทำการประเมินราคาหรือด้วยเหตุผลใดๆ เช่น เพื่อสื่อสารระหว่างลูกค้ากับซัพพลายเออร์หรือระหว่างฝ่ายวิศวกรรมกับฝ่ายผลิตให้ทำการผลิตชิ้นส่วนต่างๆขึ้นมาแล้วให้ได้คุณภาพ-คุณลักษณะที่ตรงตามแบบกับสัญลักษณ์-รายละเอียดต่างๆที่ระบุไว้ในแบบโดยไม่ผิดพลาด เป็นต้น ที่เป็นไปตามการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี E หมดแล้ว(แต่ถ้าโรงงาน-ที่ทำงานของท่านใดที่ยังใช้การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี A อยู่ ก็รบกวนช่วยแจ้งให้ทราบด้วยครับ ผมยังอยากทราบว่าจนถึงปัจจุบันนี้ยังมีบริษัทไหนในไทยที่ต้องใช้วิธีนี้อยู่) ดังนั้นผมจะขออธิบายประกอบรูปที่ใช้แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นครับ ดังต่อไปนี้ {
หมายเหตุ คำว่า “第一角法” ที่อ่านออกเสียงเป็น “だいいっかくほう” จากแหล่งอ้างอิงต่างๆของญี่ปุ่นนั้น ภายหลังผมกลับพบจากเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของญี่ปุ่นคือ จีนกับเวียดนาม เป็นต้น ก็มีการอ่านออกเสียงผิดเป็น “だいいちかくほう(ไดอิจิคะคุโฮ)” ซึ่งเป็นความยากในการอ่านออกเสียงตัวอักษรคันยิ-คันจิของภาษาญี่ปุ่นสำหรับชาวต่างชาติ และไม่เว้นแม้แต่คนญี่ปุ่นเอง อย่างไรก็ตามการอ่านออกเสียงเช่นนี้ก็น่าจะไม่ถูกต้องตามภาษาญี่ปุ่น}
ผมขอเริ่มจากที่มาของคำศัพท์คำว่า “การฉายภาพในมุมที่ 1” และ“การฉายภาพในมุมที่ 3” ซึ่งแตกต่างกันนี้แล้วมีการใช้ในหนังสือภาษาไทย ที่น่าจะแปลมาตรงตัวมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษของคำว่า “First Angle Projection” และ “Third Angle Projection” ตามลำดับนั้น ขอให้ดูรูปต่อไปนี้ประกอบด้วยนะครับ ซึ่งในรูปต่อไปนี้จะแสดงลำดับของมุมที่ 1(第一角) มุมที่ 2(第二角) มุมที่ 3(第三角) จนถึงมุมที่ 4(第四角) หรือถ้าผมเสนอให้เรียกทับศัพท์จากคำศัพท์ภาษาอังกฤษคือ “Quadrant” เป็นควอแดรนต์(หรือจตุภาค)ที่ 1(第一象限) ควอแดรนต์ที่ 2(第二象限) ควอแดรนต์ที่ 3(第三象限) จนถึงควอแดรนต์ที่ 4(第四象限) ตามคำศัพท์ทางด้านคณิตศาสตร์ ไม่ทราบว่าจะช่วยให้ทุกท่านอ่านแล้วนึกภาพในจินตนาการได้ดีกว่าคำว่า “มุมที่” หรือไม่ ?
รูป ตำแหน่งของมุมที่ 1(第一角) มุมที่ 2(第二角) มุมที่ 3(第三角) จนถึงมุมที่ 4(第四角) ที่เรียงลำดับตามทิศทางทวนเข็มนาฬิกา
รูปจากเว็บไซต์
https://engineer-education.com รูป ตำแหน่งของควอแดรนต์(หรือจตุภาค)ที่ 1(第一象限) ควอแดรนต์ที่ 2(第二象限) ควอแดรนต์ที่ 3(第三象限) จนถึงควอแดรนต์ที่ 4(第四象限) ที่เรียงลำดับตามทิศทางทวนเข็มนาฬิกาเช่นเดียวกัน
รูปจากเว็บไซต์
https://www.tetras.uitec.jeed.go.jp/ ทีนี้เมื่อทราบที่มาของชื่อเรียกของ
“การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 1หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี E(First Angle ProjectionหรือFirst Angle Projection MethodหรือFirst Angle SystemหรือISO Method E, 第一角法, だいいっかくほう, ไดอิคคะคุโฮ)” กับ
“การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 3หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี A(Third Angle ProjectionหรือThird Angle Projection MethodหรือThird Angle SystemหรือISO Method A, 第三角法, だいさんかくほう, ไดซังคะคุโฮ)” ที่แตกต่างกันแล้ว ดังนั้น ลองมาพิจารณาเปรียบเทียบถึงภาพด้านหน้า(正面図)(ภาพด้านหน้าในรูปด้านล่างนี้คือภาพที่มองเข้าไปยังชิ้นงานตามลูกศรที่อยู่ทางด้านขวาของแต่ละรูป โดยภาพฉายที่ปรากฏบนฉากรับภาพที่ได้นี้เราจะเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า “ภาพแนวตั้งหรือ立面図”) ภาพด้านบนหรือบางครั้งเรียกว่าภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) และภาพด้านข้าง(側面図) ที่จะปรากฏบนฉากรับภาพใดๆตามทิศทางของหัวลูกศรที่เปรียบเสมือนเป็นดวงตาของเราที่มองเข้าไปตามทิศทางนั้นๆ ดังรูปต่อไปนี้
รูป เปรียบเทียบภาพฉายที่ปรากฏบนฉากรับภาพของทั้งสองวิธีคือ “First Angle Projection(第一角法- รูปซ้ายมือ)” กับ “Third Angle Projection(第三角法- รูปขวามือ)” ตามรูปบน นั้นจะเห็นได้ว่าตำแหน่งของภาพด้านหน้า(正面図) ภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) และภาพด้านข้าง(側面図)ของทั้งสองวิธีจะมีตำแหน่งการจัดวางภาพบนฉากรับภาพตามที่อยู่ในควอแดรนต์ที่ 1 และควอแดรนต์ที่ 3 ซึ่งจะทำให้เห็นว่าตำแหน่งในการจัดวางภาพจะอยู่ในลักษณะตรงกันข้ามกัน ส่วนรูปล่างนั้นจะแสดงให้เห็นหมายเลขที่กำกับอยู่บนชิ้นงานซึ่งตรงกันกับหมายเลขที่ภาพฉายซึ่งปรากฏบนฉากรับภาพด้วย
รูปจากเว็บไซต์
https://ezu-ken.com และ
https://www.aero.osakafu-u.ac.jp/ และจากภาพด้านหน้า(正面図) ภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) และภาพด้านข้าง(側面図) ที่ได้จากการฉายภาพแบบ “First Angle Projection(第一角法)” กับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ที่ได้อธิบายมาแล้ว เมื่อนำมาเขียนเป็นแบบ(図面)ในลักษณะ 2 มิติ จะทำให้ได้ภาพที่มีตำแหน่งในการจัดวางภาพที่ตรงกันข้ามกันเช่นเดียวกัน และถือเป็นแบบที่ใช้ในการสื่อสารกับอีกฝ่ายหนึ่งในการทำงานร่วมกัน(แต่ในแบบที่สมบูรณ์จะต้องมีการระบุหรือให้ขนาดต่างๆของชิ้นงาน และคำสั่งอื่นๆร่วมด้วย เช่น การระบุชนิดวัสดุ ความแข็ง คุณภาพผิว เป็นต้น) ดังนั้นผู้อ่านแบบที่ดีจะต้องอ่านแล้วทำความเข้าใจจากภาพฉายเหล่านี้แล้วแปลงกลับไปเป็นภาพ 3 มิติในหัวของตนเองได้ ดังรูปต่อไปนี้
รูป การมองภาพชิ้นงานที่อยู่ในลักษณะ 3 มิติด้วยการฉายภาพแบบ “First Angle Projection(第一角法)” กับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” แล้วเขียนเป็นแบบในลักษณะ 2 มิติที่มีตำแหน่งการจัดวางภาพที่ตรงกันข้ามนี้ เปรียบเสมือนได้กับการคลี่ภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) และภาพด้านข้าง(側面図)ที่ปรากฏบนฉากรับภาพใดๆตามรูปที่อธิบายมาแล้ว ให้แบนเรียบอยู่ในระนาบเดียวกับภาพด้านหน้า(正面図) (หมายเหตุ ในรูปนี้ภาพด้านข้างที่ได้จะมีการเขียนระบุว่า “左側面図” ซึ่งหมายถึง “ภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านซ้ายมือของรูป 3 มิติ)
รูปจากเว็บไซต์
https://ezu-ken.com จากรูปที่ยกมาอธิบายนี้จะแสดงให้เห็นภาพด้านหน้า(正面図) ภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) และภาพด้านข้าง(側面図) ที่เป็นไปตามหลักการอ่าน-เขียนแบบจากการฉายภาพแบบ “First Angle Projection(第一角法)”(สีแดง) กับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)”(สีน้ำเงิน) ที่มีลักษณะตำแหน่งในการจัดวางภาพตรงกันข้ามนี้ ที่พอจะอธิบายด้วยการแปลจากภาษาญี่ปุ่นแล้วขยายความมาเป็นภาษาไทยตามลำดับของทั้งสองวิธีได้ดังต่อไปนี้
1) การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 1หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี E(First Angle ProjectionหรือFirst Angle Projection MethodหรือFirst Angle SystemหรือISO Method E, 第一角法, だいいっかくほう, ไดอิคคะคุโฮ) จะมีลักษณะการจัดวางภาพฉายที่ได้ดังต่อไปนี้
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านบนของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านล่างของภาพด้านหน้า(正面図)(上側からの投影図は,下側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านซ้ายของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านซ้ายมือ(左側面図)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านขวาของภาพด้านหน้า(正面図)(左側からの投影図は,右側に置く。)
2) การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 3หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี A(Third Angle ProjectionหรือThird Angle Projection MethodหรือThird Angle SystemหรือISO Method A, 第三角法, だいさんかくほう, ไดซังคะคุโฮ) จะมีลักษณะการจัดวางภาพฉายที่ได้ดังต่อไปนี้
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านบนของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านบนของภาพด้านหน้า(正面図)(上側からの投影図は,上側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านซ้ายของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านซ้ายมือ(左側面図)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านซ้ายของภาพด้านหน้า(正面図)(左側からの投影図は,左側に置く。)
ลักษณะการคลี่ภาพด้านบน(上面図) และภาพด้านข้าง(側面図)ที่ปรากฏบนฉากรับภาพ โดยการยึดให้แนวแกนใดๆที่อยู่ติดกับภาพด้านหน้า(正面図)ให้คงที่ไว้แล้วคลี่ภาพทั้งสองออกไปเป็นมุม 90 องศา ซึ่งรูปในลักษณะการคลี่ภาพออกนี้ ถ้าหากดูตามรูป 3 รูปต่อไปนี้ซึ่งนำมาจากเว็บไซต์
https://xtech.nikkei.com ก็จะช่วยทำให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” จากชิ้นงานที่แตกต่างกันกับรูปก่อนหน้าก็ตาม ดังนี้
รูป การฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ไปยังฉากรับภาพ(ซึ่งในที่นี้ได้สมมุติว่าเป็นกล่อง(ที่สมมุติว่าเป็น)แก้วใส) ที่ได้ภาพด้านหน้าหรือภาพที่มองจากทางด้านหน้า(真正面から見た図) ภาพด้านข้างหรือภาพที่มองจากทางด้านข้าง(真横から見た図) และภาพด้านบนหรือภาพที่มองจากทางด้านบน(真上から見た図)
รูป การคลี่กล่อง(ที่สมมุติว่าเป็น)แก้วใส 2 ด้านที่เป็นฉากรับภาพของภาพด้านบน(上面図)กับภาพด้านข้าง(側面図)ซึ่งได้จากการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ให้แบนราบหรือไปอยู่ในระนาบเดียวกันกับภาพด้านหน้า(正面図) ที่ระนาบของภาพด้านหน้านี้จะคงไว้เหมือนเดิม ดังรูปถัดไป
รูป การคลี่กล่อง(ที่สมมุติว่าเป็น)แก้วใส 2 ด้านที่เป็นฉากรับภาพของภาพด้านบน(上面図)กับภาพด้านข้าง(側面図)ซึ่งได้จากการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ไปเท่ากับ 90 องศาจนแบนราบอยู่ในระนาบเดียวกันกับภาพด้านหน้า(正面図)แล้ว ซึ่งเปรียบได้กับแบบที่ได้เขียนบนแผ่นกระดาษเขียนแบบหรือเขียนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สำหรับนำไปใช้ในการสื่อสารกับผู้ร่วมงานอีกฝ่ายหนึ่ง
อย่างไรก็ดี หลักการหนึ่งในการเขียนแบบที่ดีก็คือเขียนให้น้อยภาพแต่เพียงพอที่จะสื่อสารกับอีกฝ่ายหนึ่งได้แล้วไม่ทำให้เกิดการเข้าใจผิด ป้องกันการผลิตชิ้นงานที่ไม่ได้คุณภาพจนกลายเป็นของเสีย ฯลฯ ซึ่งโดยปรกติแล้วหากชิ้นงานที่มีรูปร่างไม่ซับซ้อนเราอาจเขียนภาพเพียงด้านเดียวร่วมกับการใช้สัญลักษณ์กำหนดขนาด อื่นๆร่วมไปด้วยก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ดังรูปต่อไปนี้
รูป แบบอย่างง่ายของชิ้นงานที่เป็นหน้าแปลนซึ่งสามารถเขียนแบบพร้อมให้ขนาดกำหนดที่สมบูรณ์ได้ในภาพเดียว ซึ่งแสดงอยู่ในลักษณะแบบที่เป็นมุมมองเดียว(One View DrawingหรือOne-View Drawing) จึงไม่จำเป็นต้องเขียนภาพด้านบน(上面図)กับภาพด้านข้าง(側面図)หรือแบบในมุมมองอื่นๆเพิ่มเติมแต่อย่างใดผู้อ่านแบบก็สามารถเข้าใจได้
รูปจากเว็บไซต์
www.mcgill.ca และถ้าหากจะอ่าน-เขียนแบบด้วยการฉายภาพของชิ้นงานในทุกๆด้าน ก็จะได้ภาพของการฉายภาพแบบ “First Angle Projection(第一角法)” กับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ตามลำดับดังรูปต่อไปนี้
รูป ภาพฉายของชิ้นงานแท่งบล็อกรูปตัววีที่ปรากฏบนฉากรับภาพของทั้งสองวิธีคือ “First Angle Projection(第一角法)” กับ “Third Angle Projection(第三角法)” (รูป “図a” ที่อยู่ข้างบน) และเปรียบเทียบการฉายภาพของชิ้นงานทั้ง 6 ด้านจากด้าน “A” ถึงด้าน “F” ของการฉายภาพทั้งสองวิธี โดยรูป “図b” คือ “First Angle Projection(第一角法)” กับรูป “図c” คือ “Third Angle Projection(第三角法)” (2 รูปที่อยู่ข้างล่าง)
รูปจากเว็บไซต์
www.jsme.or.jp จากรูปที่ยกมาอธิบายนี้จะมีลักษณะคล้ายๆกันกับรูปที่ได้อธิบายมาก่อนหน้านี้ เพียงแต่รูปก่อนหน้าจะอธิบายภาพฉายเพียง 3 ด้านเท่านั้นคือภาพด้านหน้า(正面図) ภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) และภาพด้านข้าง(側面図) แต่ในรูปนี้จะแสดงแล้วอธิบายให้เห็นภาพฉายทั้ง 6 ด้านโดยมีภาพฉายเพิ่มมาอีก 3 ด้าน และถ้าอ้างอิงคำศัพท์ตามรูปที่ยกมาอธิบายนี้ภาพฉายทั้ง 6 ด้านคือภาพด้านหน้า(正面図)(A) ภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図)(B) ภาพด้านข้างที่มองจากด้านซ้ายมือ(左側面図)(C) ภาพด้านข้างที่มองจากด้านขวามือ(右側面図)(D) ภาพด้านล่าง(下面図)(E) และภาพด้านหลัง(背面図)(F) ที่เป็นไปตามหลักการอ่าน-เขียนแบบจากการฉายภาพแบบ “First Angle Projection(第一角法)”(รูป “図b” ด้านซ้ายมือ) กับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)”(รูป “図c” ด้านขวามือ) ที่มีลักษณะตำแหน่งในการจัดวางภาพตรงกันข้ามกันนี้ ที่พอจะอธิบายด้วยการแปลจากภาษาญี่ปุ่นแล้วขยายความมาเป็นภาษาไทยตามลำดับของทั้งสองวิธีได้ดังต่อไปนี้
1) การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 1หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 1หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี E(First Angle ProjectionหรือFirst Angle Projection MethodหรือFirst Angle SystemหรือISO Method E, 第一角法, だいいっかくほう, ไดอิคคะคุโฮ) จะมีลักษณะการจัดวางภาพฉายทั้ง 6 ด้านดังต่อไปนี้
- ภาพด้านหน้าเป็นภาพฉายจากทางด้านหน้าของวัตถุหรือชิ้นงาน ซึ่งภาพด้านหน้านี้ก็มีการเรียกว่าภาพแนวตั้งด้วยเช่นกันหรืออาจกล่าวได้ว่าการฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านหน้าของชิ้นงาน เห็นภาพด้านหน้า(正面図)(A)อย่างไรก็ให้นำภาพด้านหน้านั้นมาเขียนเป็นภาพแนวตั้ง(立面図)(A) (正面図 対象物の正面とした方向からの投影図。立面図ともいう。) ซึ่งภาพนี้เปรียบเสมือนภาพตั้งต้นที่ทั้งสองวิธีจะมีตำแหน่งจัดวางเหมือนกัน
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านบนของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図)(B) ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านล่างของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(上側からの投影図は,下側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านซ้ายของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านซ้ายมือ(左側面図)(C)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านขวาของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(左側からの投影図は,右側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านขวาของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านขวามือ(右側面図)(D)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านซ้ายของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(右側からの投影図は,左側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านล่างของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านล่าง(下面図)(E) ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านบนของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(下側からの投影図は,上側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านหลังของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านหลัง(背面図)(F) ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านซ้ายหรือด้านขวาของภาพด้านหน้า(正面図)(A)ในตำแหน่งถัดไปอีกทีหนึ่ง(裏側からの投影図は,左側又は右側に置く。) สำหรับในกรณีรูปตัวอย่างที่นำมาอธิบายนี้จะมีการวางภาพด้านหลัง(背面図)(F)ที่มองเห็นนั้นไว้ทางด้านขวามือ โดยวางไว้ขวามือสุดถัดจากภาพอื่น
2) การฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือวิธีการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพในจตุภาคที่ 3หรือระบบตามมุม-ควอแดรนต์ที่ 3หรือการฉายภาพแบบไอเอสโอวิธี A(Third Angle ProjectionหรือThird Angle Projection MethodหรือThird Angle SystemหรือISO Method A, 第三角法, だいさんかくほう, ไดซังคะคุโฮ) จะมีลักษณะการจัดวางภาพฉายทั้ง 6 ด้านดังต่อไปนี้
- ภาพด้านหน้าเป็นภาพฉายจากทางด้านหน้าของวัตถุหรือชิ้นงาน ซึ่งภาพด้านหน้านี้ก็มีการเรียกว่าภาพแนวตั้งด้วยเช่นกันหรืออาจกล่าวได้ว่าการฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านหน้าของชิ้นงาน เห็นภาพด้านหน้า(正面図)(A)อย่างไรก็ให้นำภาพด้านหน้านั้นมาเขียนเป็นภาพแนวตั้ง(立面図)(A) (正面図 対象物の正面とした方向からの投影図。立面図ともいう。) ซึ่งภาพนี้เปรียบเสมือนภาพตั้งต้นที่ทั้งสองวิธีจะมีตำแหน่งจัดวางเหมือนกัน และเป็นเช่นเดียวกันกับการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านบนของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図)(B) ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านบนของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(上側からの投影図は,上側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านซ้ายของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านซ้ายมือ(左側面図)(C)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านซ้ายของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(左側からの投影図は,左側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านขวาของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านข้างซึ่งมองมาจากด้านขวามือ(右側面図)(D)ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านขวาของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(右側からの投影図は,右側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านล่างของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านล่าง(下面図)(E) ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านล่างของภาพด้านหน้า(正面図)(A)(下側からの投影図は,下側に置く。)
- การฉายภาพหรือการมองภาพจากทางด้านหลังของชิ้นงาน เห็นอย่างไรก็ให้นำภาพด้านหลัง(背面図)(F) ที่ได้จากการฉายหรือการมองนั้นนำมาวางไว้ทางด้านซ้ายหรือด้านขวาของภาพด้านหน้า(正面図)(A)ในตำแหน่งถัดไปอีกทีหนึ่ง(裏側からの投影図は,左側又は右側に置く。) สำหรับในกรณีรูปตัวอย่างที่นำมาอธิบายนี้จะมีการวางภาพด้านหลัง(背面図)(F)ที่มองเห็นนั้นไว้ทางด้านขวามือ โดยวางไว้ขวามือสุดถัดจากภาพอื่น และเป็นเช่นเดียวกันกับการฉายภาพในมุม-ควอแดรนต์ที่ 1
ลักษณะการคลี่ภาพหรือคลี่กล่อง(ที่สมมุติว่าเป็น)แก้วใสทุกด้านตามในรูปต่อไปนี้คือภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) ภาพด้านข้างที่มองจากด้านซ้ายมือ(左側面図)โดยมีภาพด้านหลัง(背面図)วางอยู่ถัดไป(ซึ่งจะเห็นได้ว่าในกรณีรูปตัวอย่างที่นำมาอธิบายนี้จะมีการวางภาพด้านหลังที่มองเห็นนั้นไว้ทางด้านซ้ายมือซึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องเช่นกัน โดยวางไว้ซ้ายมือสุดถัดจากภาพด้านข้างที่มองจากด้านซ้ายมือ เพียงแต่แตกต่างกับรูปก่อนหน้าที่ได้นำมาอธิบายนั้นจะมีการวางไว้ขวามือสุดถัดจากภาพอื่น) ภาพด้านล่าง(下面図) และภาพด้านข้างที่มองจากด้านขวามือ(右側面図)ที่ปรากฏบนฉากรับภาพ โดยการยึดให้แนวแกนใดๆที่อยู่ติดกับภาพด้านหน้า(正面図)ทั้ง 4 ด้านให้คงที่ไว้แล้วคลี่ภาพทั้งหมดออกไปจนได้ระนาบเดียวกันกับภาพด้านหน้า(正面図) ซึ่งรูปในลักษณะการคลี่ภาพออกนี้ ถ้าหากดูตามรูป 2 รูปต่อไปนี้ซึ่งนำมาจากเว็บไซต์
https://xtech.nikkei.com ก็จะช่วยทำให้ท่านผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่าจะเป็นการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” จากชิ้นงานที่แตกต่างกันกับรูปก่อนหน้าก็ตาม ดังนี้
รูป การคลี่กล่อง(ที่สมมุติว่าเป็น)แก้วใสทุกด้านที่เป็นฉากรับภาพของภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) ภาพด้านข้างที่มองจากด้านซ้ายมือ(左側面図) ภาพด้านหลัง(背面図) ภาพด้านล่าง(下面図) และภาพด้านข้างที่มองจากด้านขวามือ(右側面図) ซึ่งได้จากการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ให้แบนราบหรือไปอยู่ในระนาบเดียวกันกับภาพด้านหน้า(正面図) ที่ระนาบของภาพด้านหน้านี้จะคงไว้เหมือนเดิม ดังรูปถัดไป
รูป การคลี่กล่อง(ที่สมมุติว่าเป็น)แก้วใสทุกด้านที่เป็นฉากรับภาพของภาพด้านบนหรือภาพในแนวระนาบ(上面図หรือ平面図) ภาพด้านข้างที่มองจากด้านซ้ายมือ(左側面図) ภาพด้านหลัง(背面図) ภาพด้านล่าง(下面図) และภาพด้านข้างที่มองจากด้านขวามือ(右側面図) ที่ได้จากการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” จนแบนราบอยู่ในระนาบเดียวกันกับภาพด้านหน้า(正面図)แล้ว ซึ่งเปรียบได้กับแบบที่ได้เขียนบนแผ่นกระดาษเขียนแบบหรือเขียนบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ สำหรับนำไปใช้ในการสื่อสารกับผู้ร่วมงานอีกฝ่ายหนึ่ง
และนอกจากแบบที่เขียนขึ้นมานั้นจะแสดงภาพฉายต่างๆ ซึ่งอาจจะเขียนตามขนาดแบบฟอร์มมาตรฐานของกระดาษเขียนแบบ โดยมีขนาดเล็กสุดคือขนาด A6 ไปจนถึงขนาดโตสุดคือ A0 แต่เมื่อสมัยที่ผมเรียนจะเขียนแบบเครื่องกลลงในกระดาษเขียนแบบขนาด A4 และ A3 ซึ่งมีหลักการจำขนาดของกระดาษต่างๆอยู่ โดยเราจะจำแต่เฉพาะขนาด A4 ว่ามีขนาด 210 * 297 มิลลิเมตร ดังนั้นถ้าหากเราอยากจะทราบขนาดของกระดาษ A3 ก็ให้นำค่า 1.414 (ค่าประมาณรากที่ 2 หรือสแควร์รูตของค่า 2 ประมาณเท่ากับ 1.414)มาคูณเข้าไปทั้งสองค่าของขนาดกระดาษ A4 ก็จะได้ขนาดกระดาษ A3 เป็น 297 * 420 มิลลิเมตร และในทางกลับกันถ้าจะหาขนาดกระดาษที่เล็กลงเป็นขนาดกระดาษ A5 ก็จะนำค่า 1.414 ไปหารขนาดของกระดาษ A4 ก็จะได้ขนาดกระดาษ A5 เท่ากับ 148 * 297 มิลลิเมตร เป็นต้น อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเขียนด้วยกระดาษขนาดใดๆก็ตาม ที่มุมขวาด้านล่างของกรอบของแบบจะมีสัญลักษณ์และหรือระบุวิธีการฉายภาพเอาไว้ให้ผู้อ่านแบบทราบ ดังรูปตัวอย่างต่อไปนี้
รูป สัญลักษณ์การฉายภาพแบบ “First Angle Projection(第一角法)” กับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ของวิธีการเขียนแบบนั้นๆ
รูปจากเว็บไซต์
https://sedoya.net รูป ตัวอย่างการระบุสัญลักษณ์การฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” ที่ระบุเอาไว้ในแบบเพื่อให้ผู้อ่านแบบเข้าใจได้ตรงกันกับผู้เขียนแบบ
รูปจากเว็บไซต์
https://d-engineer.com รูป ตัวอย่างการระบุวิธีการฉายภาพเอาไว้ในแบบโดยการใช้คำศัพท์ภาษาอังกฤษเป็น “Third Angle System” ซึ่งก็มีความหมายเดียวกันกับการฉายภาพแบบ “Third Angle Projection(第三角法)” เพื่อให้ผู้อ่านแบบเข้าใจได้ตรงกันกับผู้เขียนแบบ
รูปจากเว็บไซต์
www.kowakikai.jp อำนาจ แก้วสามัคคี